ยินดีต้อนรับ

ยินดีต้อนรับ

ยินดีต้อนรับ

welcome to my blog

วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556

assignment 2

assignment 2
system
การผลิตนํ้าตาลทรายจัดว่าเป็น system หรือไม่

กระบวนการผลิตน้ำตาลทรายดิบ
กระบวน การในการผลิตน้ำตาลทรายดิบ สามารถแบ่งได้เป็น 5 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้

1. กระบวนการสกัดน้ำอ้อย (Juice Extraction) : ทำการสกัดน้ำอ้อยโดยผ่นอ้อยเข้าไปในชุดลูกหีบ (4-5 ชุด) และกากอ้อยที่ผ่นการสกัดน้ำอ้อยจากลูกหีบชุดสุดท้าย จะถูกนำไปเป็นเชื้อเพลิงเผาไหม้ภายในเตาหม้อไอน้ำ เพื่อผลิตไอน้ำมาใช้ในกระบวนการผลิต และน้ำตาลทราย
2. การทำความสะอาด หรือทำใสน้ำอ้อย (Juice Purification) : น้ำอ้อยที่สกัดได้ทั้งหมดจะเข้าสู่กระบวนการทำใส เนื่องจากน้ำอ้อยมีสิ่งสกปรกต่าง ๆ จึงต้องแยกเอาส่วนเหล่านี้ออกโดยผ่านวิธีทางกล เช่น ผ่านเครื่องกรองต่าง ๆ และวิธีทางเคมี เช่น โดยให้ความร้อน และผสมปูนขาว
3. การต้ม (Evaporation) : น้ำอ้อยที่ผ่านการทำใสแล้วจะถูกนำเข้าสู่ชุดหม้อต้ม (Multiple Evaporator) เพื่อระเหยเอาน้ำออก(ประมาณ 70 %) โดยน้ำอ้อยข้นที่ออกมาจากหม้อต้มลูกสุดท้าย เรียกว่า น้ำเชื่อม (Syrup)
4. การเคี่ยว (Crystallization) : น้ำเชื่อมที่ได้จากการต้มจะถูกนำเข้าหม้อเคี่ยวระบบสูญญากาศ (Vacuum Pan) เพื่อระเหยน้ำออกจนน้ำออกจนน้ำเชื่อมถึงจุดอิ่มตัว ที่จุดนี้ผลึกน้ำตาลจะเกิดขึ้นมา โดยที่ผลึกน้ำตาล และกากน้ำตาลที่ได้จากการเคี่ยวนี้รวมเรียกว่า แมสิควิท (Messecuite)
5. การปั่นแยกผลึกน้ำตาล (Centrifugaling) : แมสิควิทที่ได้จากการเคี่ยวจะถูกนำไปปั่นแยกผลึกน้ำตาลออกจากกากน้ำตาล โดยใช้เครื่องปั่น (Centrifugals) ผลึกน้ำตาลที่ได้นี้จะเป็นน้ำตาลดิบ

กระบวนการผลิตน้ำตาลทรายขาว และน้ำตาลรีไฟน์
น้ำตาล ทรายดิบถูกนำไปละลายน้ำ แล้วถูกผ่านเข้า 5 ขั้นตอนการผลิต ดังนี้

1. การปั่นละลาย (Affinated Centrifugaling) : นำน้ำตาลดิบมาผสมกับน้ำร้อน หรือน้ำเหลืองจากการปั่นละลาย (Green Molasses) น้ำตาลดิบที่ผสมนี้เรียกว่า แมกม่า (Magma) และแมกม่านี้จะถูกนำไปปั่นละลายเพื่อล้งคราบน้ำเหลือง หรือกากน้ำตาลออก
2. การทำความสะอาด และฟอกสี (Clarification) : น้ำเชื่อมที่ได้จากหม้อปั่นละลาย (Affinated Syrup) จะถูกนำไปละลายอีกครั้งเพื่อละลายผลึกน้ำตาลบางส่วนที่ยังละลายไม่หมดจากการ ปั่น และผ่านตะแกรงกรองเข้าผสมกับปูนขาว เข้าฟอกสีโดยผ่านเข้าไปในหม้อฟอก (ปัจจุบันนิยมใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นตัวฟอก) จากนั้นจะผ่านเข้าสู่การกรองโดยหม้อกรองแบบใช้แรงดัน (Pressure Filter) เพื่อแยกตะกอนออก และน้ำเชื่อมที่ได้จะผ่านไปฟอกเป็นครั้งสุดท้ายโดยกระบวนการแลกเปลี่ยนประจุ (Ion Exchange Resin) จะได้นำเชื่อมรีไฟน์ (Fine Liquor)
3. การเคี่ยว (Crystallization) : น้ำเชื่อมรีไฟน์ที่ได้จะถูกนำเข้าหม้อเคี่ยวระบบสูญญากาศ (Vacuum Pan) เพื่อระเหยน้ำออกจนน้ำเชื่อมถึงจุดอิ่มตัว
4. การปั่นแยกผลึกน้ำตาล (Centrifugaling) : แมสิควิทที่ได้จากการเคี่ยวจะถูกนำไปปั่นแยกผลึกน้ำตาลออกจากกากน้ำตาล โดยใช้เครื่องปั่น (Centrifugals) ผลึกน้ำตาลที่ได้นี้จะเป็น น้ำตาลรีไฟน์ และน้ำตาลทรายขาว
5. การอบ (Drying) : ผลึกน้ำตาลรีไฟน์ และน้ำตาลทรายขาวที่ได้จากการปั่นก็จะเข้าหม้ออบ (Dryer) เพื่อไล่ความชื้นออก แล้วบรรจุกระสอบเพื่อจำหน่าย
 
 Input คืออะไร

1. ความลับของน้ำตาลน้ำตาลที่ใส่ขนมและอาหารอื่น ๆ เป็นอาหารสำคัญที่ให้พลังงาน ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของผลึกสีขาว หรือสีน้ำตาลแดงก็ตาม มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า ซูโครส ทางวิทยาศาสตร์มีน้ำตาลมากมาย เช่น กลูโคสและฟรักโทส มีในพืชและสัตว์และผลไม้ แล็กโทสมีในน้ำนมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม พืชสีเขียวสร้างน้ำตาลได้ด้วยแสงแดด อากาศ และน้ำ ด้วยวิธีที่เรียกว่า การสังเคราะห์ด้วยแสง กลูโคสเป็นน้ำตาลที่สำคัญที่สุด มีอยู่ในเลือดของสัตว์ และในน้ำเลี้ยงของพืช

น้ำตาลทุกชนิดมีสารประกอบเคมีจำพวกคาร์โบไฮเดรต ประกอบด้วยธาตุคาร์บอน ไฮโดรเจน และออกซิเจน ถ้าเอากรดซัลฟิวริก หรือกรดกำมะถันชนิดเข็มข้น ใส่ลงในน้ำตาลทรายสีขาว กรดจะดูดน้ำออกไปจากน้ำตาลทรายเหลือแต่ถ่านสีดำ สารบางชนิดไม่ใช่คาร์โบไฮเดรตแต่มีรสหวานจัด เช่น แซ็กคาริน และแอสพาร์แทม มีรสหวานราว 300และ 200 เท่า ของน้ำตาลทรายตามลำดับ ใช้แทนน้ำตาลได้เฉพาะในเรื่องของความหวาน เรียกสารพวกนี้ว่า น้ำตาลเทียม

ทุกวันนี้แอสพาร์แทม เป็นที่นิยมมากกว่า แซ็กคาริน เพราะยังไม่พบว่ามีอันตรายต่อคน มีของดื่มหลายอย่างที่ใส่อแสพาร์แทม เช่น น้ำอัดลมบางชนิด น้ำผลไม้ผง ลูกกวาด

2. ประเภทของน้ำตาลน้ำตาลคือ สารที่ช่วยเพิ่มรสชาติอาหารทั้งหวานและคาว นอกจากนี้ยังช่วยให้สีสันของอาหารน่ารับประทานอีกด้วย

1. น้ำตาลโตนด คือ น้ำตาลจากต้นตาล ที่เรียกว่าน้ำตาลเมืองเพชร โดยทำเป็นก้อนกลมสีน้ำตาลเข้ม มีรสหวานแหลมและเค็มเล็กน้อย เรียกว่า น้ำตาลปึก น้ำตาลประเภทนี้เหมาะที่จะใช้ใส่ส้มตำ ยำต่างๆ ทำน้ำกะทิลอดช่อง แกงบวด เป็นต้น

2. น้ำตาลมะพร้าว คือน้ำตาลจากมะพร้าว ใส่ปีบหรือทำเป็นปึก มีสีเหลืองอ่อน รสหวานเค็ม เหมาะที่จะทำอาหารประเภทเดียวกับน้ำตาลปีก และ การฉาบกล้วย เผือก ฯลฯ

3. น้ำตาลอ้อย ทำจากต้นอ้อย ทำเป็นเมล็ดและผงสีน้ำตาลเข้ม ใช้ทำกับข้าวบางชนิดที่ต้องการให้หอมน้ำอ้อย เช่นปลาต้มหวาน หมูชะมวง หน่อไม้เส้นต้มหมู หรืออาหารประเภทเชื่อม เช่นกล้วยเชื่อม จะทำให้สีแดงเข้มสวยและหอม

4. น้ำตาลทรายชนิดหยาบ มีทั้งที่ฟอกขาวและไม่ฟอกขาว ใช้ทำขนมประเภทน้ำเชื่อม เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง น้ำเชื่อมใส่น้ำผลไม้ต่างๆ หรือใส่เพิ่มรสในกับข้าวเล็กน้อย ใส่ชา กาแฟ

5. น้ำตาลทรายละเอียด จะละเอียดและขาวมาก ใช้ทำขนมอบต่าง เช่น เค้ก คุ้กกี้ ขนมปัง

6. น้ำตาลทรายแดง ทำมาจากน้ำตาลอ้อย ใช้ใส่ในเต้าฮวย น้ำขิง

7. น้ำตาลก้อน คือน้ำตาลทรายละเอียดที่อัดเป็นก้อนสี่เหลี่ยมเล็กๆ เรียก น้ำตาลปอนด์ ใช้ใส่ ชา กาแฟ เพราะไม่มีผลทำให้รสชาติชากาแฟเปลี่ยนแปลง

8. น้ำตาลเทียม เกิดจากสารประกอบที่ให้ความหวานต่างๆ ให้ความหวาน แต่ไม่ให้พลังงาน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก น้ำตาลชนิดนี้จะเป็นผลิตภัณฑ์อาหารควบคุมจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา

3. โทษของนํ้าตาล

น้ำตาลเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง รวมไปถึงโรคเบาหวานด้วย มีรายงานวิจัยระบุว่า คนที่บริโภคน้ำตาลมากเกินไปในช่วง 40 ปีแรกของชีวิต มีโอกาสเป็นโรคเบาหวาน มากกว่าคนอื่น ๆ เพราะน้ำตาลไปทำให้ตับอ่อนที่ทำหน้าที่ผลิตอินซูลินเสื่อสมรรถภาพ เมื่อกินน้ำตาลเข้าไปมากๆ จะทำให้มีน้ำตาลในกระแสเลือดสูง

อินซูลินเป็นสารที่ร่างกายผลิตขึ้นเพื่อทำหน้าลดปริมาณน้ำตาลในเลือดโดยจะลำเลียงน้ำตาลไปยังเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย เพื่อเผาผลาญให้เป็นพลังงานหรือไปเก็บสะสมไว้ในรูปของไขมัน หากตับอ่อนผลิตอินซูลินได้น้อย ปริมาณน้ำตาลในเลือดก็จะมีสูงจนเกินกว่าที่ไต ซึ่งทำหน้าที่กรองน้ำตาลเก็บไว้ใช้ จะสามารถกรองได้ต้องปล่อยออกมากับปัสสาวะภาวะนี้คืออาการของโรคเบาหวาน

เมื่อร่างกายผลิตอินซูลินออกมามากๆ อินซูลินก็จะทำหน้าที่ของมันอย่างรวดเร็ว เพื่อขจัดน้ำตาลในกระแสเลือดทำให้น้ำตาลในกระแสเลืดจะลดต่ำลงอย่างรวดเร็วร่างกายจะเกิดอาการอ่อนเพลียปวดหัว ปวดเข่า ปวดข้อ เป็นลมสิ้นสติ จนถึงมีอาการสั่นกระตุกทั้งตัว ภาวะอารมณ์ของคนที่มีน้ำตาลในกระแสเลือดต่ำก็จะเกิดอาการอารมณืแปรปรวน ขี้ลืม นอนไม่หลับ ฝันร้าย ตื่นตกใจง่าย โรคอ้วนกับความแปรปรวนของอินซูลินเกี่ยวพันกันจนแทบจะแยกไม่ออก เป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาไขมันสูงในเลือดโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคเก๊าต์ โรคหัวใจและมะเร็ง


 
Process คืออะไร

1. กระบวนการผลิตน้ำตาลทรายดิบ
กระบวน การในการผลิตน้ำตาลทรายดิบ สามารถแบ่งได้เป็น 5 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้

1. กระบวนการสกัดน้ำอ้อย (Juice Extraction) : ทำการสกัดน้ำอ้อยโดยผ่นอ้อยเข้าไปในชุดลูกหีบ (4-5 ชุด) และกากอ้อยที่ผ่นการสกัดน้ำอ้อยจากลูกหีบชุดสุดท้าย จะถูกนำไปเป็นเชื้อเพลิงเผาไหม้ภายในเตาหม้อไอน้ำ เพื่อผลิตไอน้ำมาใช้ในกระบวนการผลิต และน้ำตาลทราย
2. การทำความสะอาด หรือทำใสน้ำอ้อย (Juice Purification) : น้ำอ้อยที่สกัดได้ทั้งหมดจะเข้าสู่กระบวนการทำใส เนื่องจากน้ำอ้อยมีสิ่งสกปรกต่าง ๆ จึงต้องแยกเอาส่วนเหล่านี้ออกโดยผ่านวิธีทางกล เช่น ผ่านเครื่องกรองต่าง ๆ และวิธีทางเคมี เช่น โดยให้ความร้อน และผสมปูนขาว
3. การต้ม (Evaporation) : น้ำอ้อยที่ผ่านการทำใสแล้วจะถูกนำเข้าสู่ชุดหม้อต้ม (Multiple Evaporator) เพื่อระเหยเอาน้ำออก(ประมาณ 70 %) โดยน้ำอ้อยข้นที่ออกมาจากหม้อต้มลูกสุดท้าย เรียกว่า น้ำเชื่อม (Syrup)
4. การเคี่ยว (Crystallization) : น้ำเชื่อมที่ได้จากการต้มจะถูกนำเข้าหม้อเคี่ยวระบบสูญญากาศ (Vacuum Pan) เพื่อระเหยน้ำออกจนน้ำออกจนน้ำเชื่อมถึงจุดอิ่มตัว ที่จุดนี้ผลึกน้ำตาลจะเกิดขึ้นมา โดยที่ผลึกน้ำตาล และกากน้ำตาลที่ได้จากการเคี่ยวนี้รวมเรียกว่า แมสิควิท (Messecuite)
5. การปั่นแยกผลึกน้ำตาล (Centrifugaling) : แมสิควิทที่ได้จากการเคี่ยวจะถูกนำไปปั่นแยกผลึกน้ำตาลออกจากกากน้ำตาล โดยใช้เครื่องปั่น (Centrifugals) ผลึกน้ำตาลที่ได้นี้จะเป็นน้ำตาลดิบ

2. กระบวนการผลิตน้ำตาลทรายขาว และน้ำตาลรีไฟน์
 น้ำตาล ทรายดิบถูกนำไปละลายน้ำ แล้วถูกผ่านเข้า 5 ขั้นตอนการผลิต ดังนี้

1. การปั่นละลาย (Affinated Centrifugaling) : นำน้ำตาลดิบมาผสมกับน้ำร้อน หรือน้ำเหลืองจากการปั่นละลาย (Green Molasses) น้ำตาลดิบที่ผสมนี้เรียกว่า แมกม่า (Magma) และแมกม่านี้จะถูกนำไปปั่นละลายเพื่อล้งคราบน้ำเหลือง หรือกากน้ำตาลออก
2. การทำความสะอาด และฟอกสี (Clarification) : น้ำเชื่อมที่ได้จากหม้อปั่นละลาย (Affinated Syrup) จะถูกนำไปละลายอีกครั้งเพื่อละลายผลึกน้ำตาลบางส่วนที่ยังละลายไม่หมดจากการ ปั่น และผ่านตะแกรงกรองเข้าผสมกับปูนขาว เข้าฟอกสีโดยผ่านเข้าไปในหม้อฟอก (ปัจจุบันนิยมใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นตัวฟอก) จากนั้นจะผ่านเข้าสู่การกรองโดยหม้อกรองแบบใช้แรงดัน (Pressure Filter) เพื่อแยกตะกอนออก และน้ำเชื่อมที่ได้จะผ่านไปฟอกเป็นครั้งสุดท้ายโดยกระบวนการแลกเปลี่ยนประจุ (Ion Exchange Resin) จะได้นำเชื่อมรีไฟน์ (Fine Liquor)
3. การเคี่ยว (Crystallization) : น้ำเชื่อมรีไฟน์ที่ได้จะถูกนำเข้าหม้อเคี่ยวระบบสูญญากาศ (Vacuum Pan) เพื่อระเหยน้ำออกจนน้ำเชื่อมถึงจุดอิ่มตัว
4. การปั่นแยกผลึกน้ำตาล (Centrifugaling) : แมสิควิทที่ได้จากการเคี่ยวจะถูกนำไปปั่นแยกผลึกน้ำตาลออกจากกากน้ำตาล โดยใช้เครื่องปั่น (Centrifugals) ผลึกน้ำตาลที่ได้นี้จะเป็น น้ำตาลรีไฟน์ และน้ำตาลทรายขาว
5. การอบ (Drying) : ผลึกน้ำตาลรีไฟน์ และน้ำตาลทรายขาวที่ได้จากการปั่นก็จะเข้าหม้ออบ (Dryer) เพื่อไล่ความชื้นออก แล้วบรรจุกระสอบเพื่อจำหน่าย

 output คืออะไร

1. นํ้าตาลทรายที่ถูกสุขลักษณะ

เฉลยการบ้านครั้งที่ 2

input

1. โรงงานนํ้าตาล                        4. แรงงาน
2.เครื่องจักร                                5. เงินทุน
3. วัตถุดิบ

process

1. การสกัดนํ้าอ้อย
2.การทำความสะอาด
3.การต้มให้ได้นํ้าเชื่อม
4.การเคี่ยวให้เป็นผนึกเเละกาก
5.การปั่นเเยกผนึกนํ้าตาล
6.การอบ
7.การจุถุง

output

1.นํ้าตาลทราย
2.กากนํ้าตาล
3.ชานอ้อย



http://www.kanzuksa.com/Radio.asp?data=252
http://www.wangkanai.co.th/cane4.htm

วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556

assignment1

1. smartphone คืออะไร มีประโยชน์อย่างไรบ้าง(บอกมา5ประการ)

smartphone คือ โทรศัพท์ที่รองรับระบบปฏิบัติการ ต่างๆได้ เสมือนยกเอาคุณสมบัติที่ PDA และคอมพิวเตอร์มาไว้ในโทรศัพท์ ซึ่งทำให้ สมาร์ทโฟน สามารถลงโปแกรมเพิ่มเติม (Application) ได้

ประโยชน์ของ smartphone
1.การเชื่อมต่ออุปกรณ์ไร้สาย นี่เป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่จะทำให้ smart-Ph เช่น  เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์เครื่องอื่น พริ้นเตอร์ หรือกล้องดิจิตอล ผ่านทาง อินฟราเรด บลูทูธ หรือ Wi-Fi
2.สามารถรองรับไฟล์ Multimedia ได้หลากหลายรูปแบบ เช่นไฟล์ ภาพ,ภาพเคลื่อนไหว เช่นภาพเคลื่อนไหว
3.เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้
4.สามารถดูวิดีโอได้
5.สามารถ downloading apps ได้

2. android คืออะไร ปกติจะพบสิ่งนี้ที่ไหน
Android(แอนดรอยด์) คืออะไร? และ Android(แอนดรอยด์) Phone คืออะไร?
วิธีที่จะเข้าใจว่า Android(แอนดรอยด์) คือ อะไร? อย่างง่ายๆ ให้เราลองนึกถึง คอมพิวเตอร์ที่บ้านครับ ตอนนี้ใช้ Windows อะไรอยู่ครับ บางคนก็จะตอบว่า Windows 7, Windows Vista บางคนก็ตอบว่า Windows XP หรือบางคนอาจจะตอบว่า ผมไม่ใช้ Windows ผมใช้ Linux ซึ่งจะเป็น Linux รุ่นไหนก็ว่ากันไป … Windows หรือ Linux เราเรียกมันว่า ระบบปฏิบัติการ(OS) ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าถ้าคอมพิวเตอร์ไม่ลง Windows ก็จะเปิดเครื่องเพื่อทำงานไม่ได้ ฉันใดก็ฉันนั้น โทรศัพท์มือถือ SmartPhone ก็เช่นเดียวกันครับ มันต้องการ OS ซึ่งใน iPhone นั้นบริษัทแอปเปิ้ลใช้ OS ที่ชื่อว่า iPhone OS ครับ ในขณะที่บริษัทกูเกิ้ล(Google) บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการไอที อีกรายก็ได้ซุ่มพัฒนา OS ที่มีชื่อว่า Android(แอนดรอยด์) OS ขึ้นมา


 Android ได้รับความนิยมมากที่สุดในบรรดา OS ที่ถูกติดตั้งบน SmartPhone หรือ Tablets ในรุ่นต่าง ๆ ที่ออกสู่ท้องตลาดในปัจจุบัน ดังนั้นจะไม่ขออธิบายรายละเอียดมากว่า Android คืออะไรมีประวัติอะไร Android เป็น OS ที่เป็น Open Source ของค่าย Google ออกมาเมื่อประมาณปี 2006 ที่ทำงานบน SmartPhone หรือ Tablets ทำหน้าที่ควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ร่วมกับ App ที่พัฒนาขึ้นบน Android นั่นเอง Android เป็น OS ที่มาทำตลาดแข่งขันกับ iOS ของค่าย Apple และในขณะนี้ Android ก็ได้แซงล้ำหน้า iOS เป็นที่เรียบร้อยแล้ว (จำนวนผู้ใช้งาน) อันเนื่องจากเป็น Open Source ที่สามารถใช้งานได้ฟรี และติดตั้งได้กับ SmartPhone หรืออุปกรณ์ได้หลากหลาย และนัก Developer ทั้งหลาย สามารถพัฒนาApplication บน Android ด้วย Laptop / Notebook หรือ PC Desktop ธรรมดา อีกทั้งยังสามารถพัฒนาบนเครื่อง Mac ได้เช่นเดียวกัน จึงได้เกิดนักพัฒนาขึ้นมากมาย ซึ่งตรงกันข้ามกับ iOS ที่สามารถใช้ได้กับเครื่องของ Apple เท่านั้น และการพัฒนาโปรแกรมก็จะต้องทำบนเครื่อง Mac ในปัจจุบัน Android มี App หลายล้าน App (ที่อยู่ใน Android Market) ทั้งที่สามารถดาวน์โหลดได้ใช้งานได้ หรือเสียเงินซื้อ Android กำลังได้รับความนิยมจากองค์กรธุรกิจจำนวนมายที่นำ Application เหล่านี้มาใช้งาน่วมกับธุรกิจหลาย ๆ ประเภท เพราะฉะนั้นการที่จะหันมาศึกษา Android ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมความรู้ความสามารถในการเขียนโปรแกรมได้เช่นเดียวกัน

ความสามารถของ Android นั้นทำได้หลากหลายมาก สามารถเขียนทำงานร่วมกับ Hardware ได้เกือบทุกอย่าง เช่น การเขียน Application จัดการด้านฐานข้อมูล การเขียนควบคุมกับอุปรกรณ์ภายนอก การพัฒนาด้าน PGS (ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก) หรือแม้กระทั้งการออกแบบกราฟิกหรือการเขียนเกมส์ต่าง ๆ ก็สามารถพัฒนาใน Android ได้เช่นเดียวกัน

3. cyber bully คืออะไรอธิบายมา1ย่อหน้า(ไม่ตํ่ากว่า10บรรทัด)

cyber bully คือ

การกลั่นแกล้งในโลกไซเบอร์คือการประทุษร้ายหรือทำให้ผู้อื่นอับอายผ่านทางการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น อีเมล์, การส่งข้อความ, บล็อก, เว็บไซต์, ชุมชนออนไลน์, เมสเสจ, และโทรศัพท์ สิ่งที่นักเลงไซเบอร์ตั้งใจคือการแสดงความเป็นศัตรูหรือแสดงออกในแง่ลบต่ออีกฝ่ายนั่นเอง

การกลั่นแกล้งในโลกไซเบอร์อาจรวมถึงสิ่งพิมพ์หรือการส่งผ่านข้อมูลที่เป็นเรื่องส่วนตัวของคนหนึ่งไปยังสถานที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของ เช่น การเซฟภาพเจ้านายใส่ชุดบิกินี่ในวันพักผ่อนจากเฟซบุ้คของเจ้านายไปเผยแพร่ต่อทางฟอร์เวิร์ดเมล์ หรือการนำภาพแอบถ่ายในห้องน้ำของใครสักคนที่ได้รับมาไปโพสหน้าเว็บไซต์ให้คนอื่นดูด้วยกัน เป็นต้น

นอกจากนั้นนักเลงไซเบอร์อาจจะส่งข้อความให้ร้ายไปยังผู้อื่น หรือเขียนคอมเมนต์ในเว็บไซต์หรือบล็อกที่เป็นการต่อว่า การประทุษร้ายซ้ำๆ หลายครั้งแม้จะดูเป็นบาดแผลที่ห่างไกลหัวใจจนไม่น่าใส่ใจสำหรับผู้ใหญ่ แต่สำหรับเด็กหรือวัยรุ่นถือเป็นการทำร้ายที่รุนแรงมาก ส่งผลให้รู้สึกซึมเศร้า, หงุดหงิดอาละวาด, และทำร้ายตัวเองจากอารมณ์หุนหันพลันแล่นได้


1. http://www.mindphp.com/%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD/73-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3/2389-smartphone-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3.html

2.http://www.3gcatcdma.com/article/read/58
3.http://healthkm.exteen.com/20101006/cyberbullying